เปิด 7 ข้อสังเกต – 3 ชนวนเหตุคาร์บอมบ์นราธิวาส

เปิด 7 ข้อสังเกต – 3 ชนวนเหตุคาร์บอมบ์นราธิวาส



มีข้อสังเกตและการวิเคราะห์เหตุคาร์บอมบ์นราธิวาสที่รวบรวมจากเจ้าหน้าที่ ผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ และหน่วยข่าวความมั่นคง
1.นราธิวาส ว่างเว้นจากเหตุระเบิดคาร์บอบม์มานานถึง 6 ปี
คาร์บอมบ์ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในพื้นที่นราธิวาส เกิดเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.59
เหตุเกิดในซอยข้างฐานปฏิบัติการหมวดเฉพาะกิจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ นราธิวาส 33 ริมกำแพงโรงเรียนบ้านสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส บาดเจ็บ 2 ราย
2.การหวนกลับมาเกิดคาร์บอมบ์อีกครั้งในรอบกว่า 6 ปี ถือว่าเป็นเงื่อนไขพิเศษ
3.จุดเกิดเหตุคือแฟลตตำรวจ ซึ่งเป็นพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ ถ้าคนร้ายไม่วางแผนมาอย่างดี ไม่น่าจะกล้าเข้าไปวางระเบิดได้
-ถ้าคนร้ายไม่ใช่มือเก๋า หรือไม่วางแผนมาอย่างดี ดูลาดเลา เก็บข้อมูลมานานก่อนลงมือ จะกล้าขับรถบรรทุกระเบิดดุ่มๆ เข้าไปจอดหรือไม่
-เป็นการก่อเหตุในถิ่นของตำรวจ น่าคิดว่ามี “สาย” หรือคนที่รู้ความเคลื่อนไหวภายใน แฝงตัวอยู่และคอยส่งข่าวด้วยหรือไม่
4.คนร้ายปฏิบัติการอย่างโหดเหี้ยม เพราะในแฟลตทั้ง 3 ฝั่ง (แฟลตเป็นรูปตัว U) มีพลเรือนอาศัยอยู่ด้วย -เป็นครอบครัวของตำรวจ
-มีผู้หญิงและเด็ก
-เด็กอายุน้อยที่สุดที่บาดเจ็บคือทารกวัย 1 ขวบ
5.รูปแบบการก่อเหตุเป็นมืออาชีพ ขับรถมาคนเดียว เข้าไปจอดในพื้นที่ของตำรวจ เรียกว่า “ในถิ่นตำรวจ” ก็ได้ จากนั้นมีเพื่อนขี่มอเตอร์ไซค์ตามมารับ ท่าเดินนิ่ง ไม่ว่อกแว่ก ถือว่าไม่ธรรมดา ส่วนระเบิดที่ประกอบมา ทำงานแบบสมบูรณ์ ในวงการเรียกว่า “ระเบิดหมดจด” เต็มอานุภาพ ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง และมีตำรวจสังเวยชีวิต
6.รูปแบบการนำรถคาร์บอมบ์มาจอด และะมีเพื่อนขี่รถจักรยานยนต์มารับ เคยเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว
เผย “ตำรวจเหยื่อบึ้ม” เรียกคนร้ายมือขับคาร์บอมบ์ก่อนระเบิด
https://shaychaidantai.com/?p=29993
@@ เปิด 3 ชนวนเหตุคาร์บอมบ์
7.ชนวนเหตุ เจ้าหน้าที่ยังไม่สรุป แต่มีหลายปัจจัยที่อาจเป็นชนวนก่อเหตุได้
ปัจจัยแรก เป็นการก่อเหตุตามวงรอบ
-เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ เมื่อ “เป้าหมายชัด โอกาสมี ทางหนีพร้อม” ก็ลงมือ
-เป็นการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในภาพรวม เนื่องจากกระบวนการพูดคุยสันติสุขฯก็ไม่ค่อยคืบหน้า
-ความพยายามก่อเหตุรุนแรงขนาดใหญ่มีมาอย่างต่อเนื่อง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ล่าสุดคือปล้นรถขยะไปทำคาร์บอมบ์ใกล้ปั๊มน้ำมัน ปตท. ในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.65



ปัจจัยที่ 2 เป็นการแก้แค้นเหตุการณ์วิสามัญฯ เมื่อวันเสาร์ที่ 19 พ.ย.65 เพิ่งมีเหตุทลายฐานพักของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ในพื้นที่ป่าเขา อ.จะแนะ จ.นราธิวาส วิสามัญฯ นายฮาซัน อาแว ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงคนสำคัญ และเคยร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯเมื่อปี 62
-แต่ปัจจัยนี้ หน่วยข่าวความมั่นคงยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะการทำคาร์บอมบ์ในพื้นที่พิเศษ อย่างแฟลตตำรวจ หรือพื้นที่อิทธิพลของเจ้าหน้าที่ ต้องวางแผนอย่างดี และใช้เวลาเตรียมการค่อนข้างนาน ส่วนการตอบโต้เหตุวิสามัญฯ เพิ่งเกิดมาเพียง 3 วัน
ปัจจัยที่ 3 เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ แต่ผสมกับปัญหา “ภัยแทรกซ้อน”
-นราธิวาสมีปัญหายาเสพติดค่อนข้างรุนแรง
-มีการแฉนายตำรวจระดับผู้การจังหวัด ว่าเอื้อประโยชน์แก๊งค้ายา จนถูกสั่งย้าย และเป็นการย้ายขาดจากตำแหน่งเดิม
-มีปัญหาระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยกันในพื้นที่
**จุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่ของฝ่ายตำรวจ

จากการตรวจสอบกับหน่วยข่าวความมั่นคงในพื้นที่ ยังให้น้ำหนักปัจจัยแรกมากที่สุด โดยเป็นการก่อเหตุต่อเนื่องเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลช่วงเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค และมีเหตุรุนแรงต่อเนื่องมา เมื่อวานก็มีเหตุระเบิดเสาไฟฟ้า และวันนี้ก็ทำคาร์บอมบ์ ซึ่งน่าจะเตรียมการมานานพอสมควร แต่ปัจจัยเร่งให้ก่อเหตุใหญ่ ก็อาจจะมีปัจจัยที่ 2 และ 3 มาเจือสมด้วยเช่นกัน

@@ วอนทุกฝ่ายร่วมประณาม
พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า กล่าวกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ส่งผลให้เด็กอายุ 1 ขวบต้องได้รับบาดเจ็บ เพราะคนร้ายนำรถคาร์บอมบ์ไปจอดบริเวณบ้านพักตำรวจ คนที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บก็เป็นครอบครัวของตำรวจ ส่วนประเด็นและสาเหตุ อย่างที่ทุกคนทราบ คนร้ายมีความพยายามมาตลอด

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เคยเกิดมาตลอดต่อเนื่องหลายปี เกิดซ้ำๆ มาตลอด นับตั้งแต่เหตุปล้นเต็นท์รถที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ได้รถไป 6 คันแล้วนำไปก่อเหตุคาร์บอมบ์ เหตุปล้นรถส่งของที่เมืองยะลา และปล้นรถขยะไปก่อเหตุ ส่วนเหตุการณ์ครั้งนี้คนร้ายนำรถมาจากไหน เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบ แต่มั่นใจว่าไม่นำรถส่วนตัวมาก่อเหตุแน่นอน”

@@ ได้เบาะแสรถคาร์บอมบ์-ล่าหญิงต้องสงสัย
เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสรถกระบะที่คนร้ายนำมาใช้ทำคาร์บอมบ์ เป็นกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็กซ์ สีดำ ป้ายทะเบียน กค 6961 ตรัง จดทะเบียนวันที่ 8 มี.ค.50 ผู้ครอบครองรถคันนี้ คือ ชายคนหนึ่ง มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง นำรถยนต์มาขายให้เต็นท์รถแห่งหนึ่งใน อ.เมืองตรัง เมื่อปี 64 โดยเต็นท์รถแห่งนี้ได้นำรถไปขายต่อที่ จ.พัทลุง

มีผู้พบเห็นรถคันนี้ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 6 ต.ค.65 เวลา 16.52 น. รถขับผ่านด่านตรวจ ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส มีผู้หญิงมุสลิมเป็นผู้ขับขี่ โดยหญิงคนนี้ไม่มีใบอนุญาตขับรถ ข้อมูลทั้งหมดนี้ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ได้ส่งข้อมูลให้ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 ดำเนินการต่อแล้ว ต่อมาเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้พยายามติดต่อหญิงสาวคนขับรถเข้าพื้นที่นราธิวาส แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงจัดชุดติดตามไล่ล่าทั้งในพื้นที่นราธิวาส และพื้นที่ใกล้เคียง



ขอบคุณที่มา https://www.isranews.org/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *